ภัยร้ายทำลายผิว/มารู้จักระดับของแสงกันค่ะ

สิ่งที่เดินทางมาพร้อมกับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ ที่เรารู้จักกันดีคือ "รังสียูวี"(UV) หรือรังสีอัลตร้าไวโอเลต(Ultraviolet) ซึ่งเจ้ารังสีนี้แหละที่ทำลายผิวเรา โดยมีผลต่กการกระตุ้นให้เม็ดสีเมลานินของเราเกิดการเปลี่ยนแปรง ทำให้สีผิวเราเข้มขึ้น

บางรายเกิดการเปลี่ยนแปรงมากไปจนทำให้สีผิวเข้ม และบางรายเม็ดสีผิวเปลี่ยนแปรงน้อยไป ร่างกายเกิดการทำงานแบบผิดปกติ หรือที่เรียกว่า"คนผิวเผือก" 

คนที่มีสีผิวซีดมากกว่าคนที่มีสีผิวปกติทั่วไป มักจะไม่ค่อยพบ ส่วนมากเรามักจะพบแต่คนที่มีเม็ดสีผิวที่ทำงานมากผิดปกติ จึงทำให้สีผิวไม่เสมอกัน

ส่วนคนบางกลุ่มต้องทำงานตากแดด จนทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบจากแสงแดด และถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานานก็เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งผิวหนังได้

รังสียูวีนี้ มี 3 ประเภท

ซึ่งทั้งสามประเภทมีความแตกต่างกันที่ความยาวของช่วงคลื่นที่ดวงอาทิตย์ส่งลงมา และแต่ละช่วงคลี่นก็จะส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนี้

1.รังสีUVC มีความยางช่วงคลื่น280-100 นาโนเมตร

รังสีUVCนี้แหละที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เพราะถ้าเราถูกแสงUVCนี้จะถูกความร้อนเผาไหม้ได้ แต่รังสีนี้ก็ไม่สามารถส่งตรงมาถึงพื้นโลกได้ เพราะจะถูกดูดซับด้วยออ๊กซิเจนในชั้นสตราโทสเฟียที่ชั้นความสูง 100กม.

แต่น่าเสียดายที่ปัจจุบันนี้ชั้นโอโซนได้ถูกทำลายไปมาก จึงทำให้ความร้อนสามารถแผ่ลงมาถึงพื้นโลกได้มากขึ้น

2.รังสีUVB จะมีความยาวคลื่น315-280 นาโนเมตร สามารถส่งผ่านมายังพื้นโลกได้ แต่ไม่สามารถส่องผ่านทะลุสิ่งทึบแสงได้ 

รังสีUVB ส่วนใหญ่จะอยู่ภายนอกอาคาร เราจะโดนแสงก็ต่อเมื่อเราเดินออกไปด้านนอกอาคาร หากเราไม่ต้องการโดนรังสีUVBนี้หลบใต้ต้นไม้ หรือมีสิ่งกำบังป้องกัน

ผลที่ได้รับเมื่อเราโดนรังสีUVBนี้ คือรังนี้จะเร่งปฏิกิริยาการเปลี่ยนแปรงของเมลานินที่เกี่ยวกับสีผิวของมนุษย์เรา ทำให้สีผิวของเราเข้มขึ้นหรือดำขึ้นผิดปกติ หากเราไม่ต้องการให้ผิวดำเมื่อโดนแสงUVBก็ควรทาครีมกันแดดที่เขียนว่าป้องกันรังสีUVBได้

3.รังสี UVA มีความยาวช่วงคลื่น 400-315 นาโนเมตร 

รังนีUVAนี้จะถูกปล่อยยออกมาจากสิ่งที่ส่องสว่างทุกๆอย่าง เช่นแสงสว่างจากคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หลอดไฟ ฯลฯ

ซึ่งรังสีนี้มีผลต่อโครงสร้างผิวชั้นใต้ผิวหนังที่เป็นที่อยู่ของคอลลาเจน และเส้นใยอิลาสติน ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยหย่อนคล้อย ผิวแห้งกร้าน 

วิธีที่จะป้องกันก็คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่เขียนระบุว่าสามารถป้องกันรังสีUVAและUVBได้นั่นเองค่ะ

แล้วค่าSPF และPA คืออะไร

SPF เป็นค่าตัวเลขที่บอกการถึงระดับการป้องกันรังสีUVB

จากการศึกษาวิจัยพบว่า ค่าSPF 50 ก็สามารถป้องกันแสงแดดได้สูงถึง 80% โดยค่าSPFที่เพิ่มมากขึ้นก็จะยิ่งป้องกันแสงได้มากขี้นไปด้วย แต่ที่เพิ่มมากว่า50ขึ้นไป ก็จะทำให้เนื้อครีมเหนียวหนืดและล้างออกยาก

ปัจจุบันมีครีมกันแดดที่มีค่าSPF มากตั้งแต่40-90เลยที่เดียวค่ะ

PA เป็นค่าตัวเลขที่บอกถึงระดับการป้องกันรังสีUVA

จากการศึกษาวิจัยของประเทศญี่ปุ่น ได้แบ่งระดับการปกป้องรังสีUVA ไว้เป็น3ระดับดังนี้

1.PA+ คือสามารถป้องกัน รังสีUVA ได้

2.PA++คือสามารถป้องกันรังสีUVAได้ดี

3.PA+++คือสามารถป้องกันรังสีUVAได้ดีมาก

ดังนั้นเมื่อเรารู้จักประเถทของรังสี และค่าต่างๆเราก็สามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดูแลปกป้องผิวเราได้แล้วนะค่ะ

สาเหตุหลัก ที่ทำให้เกิดฝ้า มาจาก

 แสงแดด รังสีUVA,UVB ถึงแม้เราจะหลีกเลี่ยงยากแต่ก็สามารถปัองกันได้ เพราะแสงที่ร้อนและแรงจะกระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้น

 ฮอร์โมน คือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่ผูหญิงทุกคนต้องเจอ การฉีดยาคุม กินยา เป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้เกิดสีผิวที่เข้มขึ้นหรือเรียกอีกอย่างว่าฝ้า

 การใช้เครื่องสำอาง บางผลิตภัณฑ์อาจจะมีส่วนผสมของสารไม่พึงประสงค์ เมื่อใช้แรกๆผิวหน้าดูขาว แต่พอเลิกใช้ทำให้ผิวหน้าดำ คล้ำขึ้น

 ผู้หญิงตั้งครรภ์ เป็นช่วงการเปลี่ยนของฮอร์โมน เม็ดสีเมลานินจะผลิตมากขึ้น เมื่อคลอดบุตรบุตรก็จางแต่ไม่หายอยู่ดี

 สารก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่นน้ำหอม สารกันแดดต่างๆ

วันนี้มีข่าวดีมาบอกสาวๆที่กำลังมองหาวิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดด คัดสรรค์สารสกัดชั้นยอดที่มีสรพพคุณปกป้องผิวผสานนวัตกรรมระดับเซลล์ผิว

GG Glow&Glorious CollagenSPF50 PA+++

มีคุณสมบัติที่โดดเด่นไม่เหมือนใครดังนี้

1.ช่วยบำรุงผิวหน้าผิวเรียบเนียนชุ่มชื่นด้วยคอลลาเจนและQ10

2.ช่วยปกป้องผิวจากความร้อน แสงแดดที่มีค่าSPF50 PA+++ ปกป้องรังสีไ้ด้ถึง 98%

3.ใช้แล้วหน้าไม่เยิ้ม ถูกใจคุณสาวๆทุกวัย

4.นวัตกรรม Photolight สะท้อนแสงออก เบลอรูขุมขน ผิวเรียบเนียน แลดูออร่า

5.มีส่วนผสมของรองพื้นเนื้อสีเบสนำเข้าจากญี่ปุ่น ใช้ได้ทุกสีผิว เน้นให้สีผิวแลดูสว่างกระจ่างใส

6.ถ้าทาเมคอัพ ก็จะทำให้หน้าเหมือนเมคอัพสีเบสที่กระจายแสงทำให้หน้าสว่างติดทนนาน

7.ทาเติมได้ทุก4ชั่วโมง เสมือนทาแป้งพัฟ ทาทับเครื่องสำอางได้เลย หน้าไม่หนา ทำให้แสงถูกบล๊อก

รวมทั้งแสงจากจอคอมฯได้100%

8.นวัตกรรมนาโน จึงซึมเร็วและผิวดูเรียบเนียนไม่หนา เสมือนเรามีผิวสีเบส ที่เป็นธรรมชาติของผิว